โรงงานรับผลิตอายไลเนอร์ พร้อมดีลที่ดีที่สุด

• 1. อายไลเนอร์แบบพู่กัน

อายไลน์เนอร์ชนิดนี้มีลักษณะเป็นน้ำ ส่วนมากมักบรรจุลงในขวดพร้อมพู่กันสำหรับจุ่มเขียน ให้ปลายเส้นที่แหลมเล็ก คมชัด และหนาทึบ

• 2. อายไลน์เนอร์แบบลิควิด

เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งอายไลน์เนอร์ยอกฮิต เพราะส่วนมากทำออกมาในรูปแบบปากกาเพื่อให้เขียนง่ายมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องจุ่มอะไรให้ยุ่งยาก เพียงแค่เปิดฝาออกมา เขียนดวงตาตามลักษณะที่เราต้องการได้เลย ทั้งยังแห้งไวกว่าอายไลเนอร์แบบพู่กันอีกด้วย

• 3. อายไลน์เนอร์แบบเจล

อายไลน์เนอร์ลักษณะเนื้อเจล มีคุณสมบัติที่ติดทนนาน สีเข้มและชัด ไม่เยิ้มระหว่างวัน ข้อเสียคือมักล้างออกยาก มักบรรจุลงในกระปุกแล้วใช้กับพู่กัน

• 4. อายไลน์เนอร์แบบดินสอ

อายไลน์เนอร์ชนิดดินสอมีลักณะเป็นเนื้อครีมนิด ๆ เหมาะแก่การนำมาเขียนขอบตาเพื่อให้ดวงตาดูคมมากยิ่งขึ้น แต่ข้อเสียคือเวลาเขียนแล้วเส้นจะไม่ค่อยคมเท่าแบบอื่น ๆ

1. ติดต่อโรงงานเพื่อแจ้งความประสงค์ในการผลิต

เมื่อคุณได้โรงงานที่ถูกใจแล้วขั้นแรกก็ติดต่อเซลล์ของทางโรงงานเพื่อแจ้งความประสงค์ว่าคุณต้องการผลิตอะไร จำนวนเท่าไร มีงบเท่าไหร เป็นต้น

2. เลือกสูตรหรือผลิตภัณฑ์ที่ชื่นชอบ

หลังจากที่คุยเบื้องต้นไปแล้ว ก็ถึงเวลาเลือกสูตรโดยคุณสามารถขอตัวอย่างกับทางโรงงานไปทดลองใช้ ถ้าหากถูกใจและเลือกได้แล้วทางโรงงานก็จะทำการประเมินราคา และส่งใบเสนอราคาให้คุณตามงบที่คุณวางไว้

3. ส่งสูตรไปขึ้นทะเบียน

ได้สูตรที่ตรงใจแล้วก็สามารถส่งไปขึ้นทะเบียน อย.ได้เลย ในส่วนนี้ทางโรงงานจะเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ซึ่งระยะเวลาจะอยู่ที่ 15 ถึง 45 วัน ขึ้นกับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ อย.

4. ออกแบบบรรจุภัณฑ์

ระหว่างรอ อย. คุณก็สามารถออกแบบบรรณจุภัณฑ์รอไว้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นขวดบบรรจุ โลก็ กล่องบรรจุภัณฑ์ ที่เมื่อเวลา อย. ผ่านแล้วคุณก็จะได้สามารถสั่งผลิตได้เลย

5. สั่งผลิตสินค้า

เมื่อได้อย. พร้อมสรุปงานออกแบบได้แล้ว จะเป็นกระบวนการผลิต ทั้งบรรจุภัณฑ์ และ ผลิตภัณฑ์แล้ว ก็จะมาถึงขั้นตอนการผลิตสินค้า ระยะเวลาการผลิตนั้นจะอยู่ที่ 1 – 2  เดือนขึ้นไป ขึ้ยอยู่กับความยากง่ายและความสซับซ้อนของสินค้า

6. ได้รับสินค้าจากโรงงานพร้อมขาย

หลังจากสินค้าผลิตออกมาเรียบร้อยแล้ว ทางโรงงานจะจัดส่งสินค้าไปตามที่อยู่ที่คุณแจ้งไว้กับทางโรงงาน ซึ่งลูกค้าสามารถเริ่มขายและกระจายสินค้าสู่ตลาดได้เลย

• Website

เป็นช่องที่ที่ดูเหมือนไม่สำคัญแต่จริง ๆ แล้วสำคัญมาก เพราะเรีบกได้ว่าเป็นศูนย์รวมช่องทางการติดต่อของคุณ รวมไปถึงการให้ข้อมูล ข่าวสารของทางแบรนด์ก็จะอยู่ในนี้หมด นอกจากนี้หากแบรนด์ของมีเว็บไซต์ก็จะทำให้ตัวสินค้าของคุณดูน่าเชื่อถือขึ้นไปอีกนั่นเองค่ะ

• Facebook

ในยุคนี้คงมีส่วนน้อยมากสำหรับคนที่ไม่เล่ยเฟสบุ๊ค นอกจากเฟสบุ๊คจะเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารที่ดีแล้ว คุณยังสามารถสร้างโฆษณา กระข่าวสาร สร้างแคมเปญ และโปรโมทแบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักได้ด้วย

• Instagram

แม้อินสตาแกรมจะมีแต่รูปภาพแต่หากแบรนด์ของคุณทำภาพแบรนด์ให้สวย และดูหน้าสนใจ มีเอกลักษณ์ล่ะก็การโปรโมทแคมเปญต่าง ๆ ก็จะยิ่งดูน่าสนใจและสามารถดึงดุดลูกค้าให้สนใจได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้บนอินสตาแกรมก็มีผู้ใช้ให้เช้าถึงจำนวนมาก ดังนั้นอิสตาแกรมก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่มองข้ามไม่ได้เลยทีเดียว

• Youtube

การทำโฆษณาบนยูทูปก็เป็นอีกช่องทางการตลาดดี ๆ ที่มีโอกาสที่ลูกค้าจะเห็นสินค้าของเราได้สูง ดังนั้นหากเราทำวิดีโอโฆษณาที่มีเนื้อหาดี ๆ แน่นอนว่าจะต้องสร้างความสนใจให้กับลูกค้าได้อย่างแน่นอน

• Line

อีกหนึ่งช่องทางที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะหากลูกค้าของคุณเป็นคนไทย ก็ต้องยิ่งเจาะช่องทางนี้เพราะกลุ่มลูกค้าส่วนมากมักสะดวกกับการติดต่อและ รับข่าวสารต่าง ๆ ผ่านไลน์ ไลน์จึงมีส่วนสำคัญอย่างมากในการทำธุรกิจในทุกวันนี้ค่ะ